ถล่มเจ้าสำนักโคมเขียว Mad Monkey Kung Fu หนังมีเสียงพากย์ไทย แต่ไม่มีบรรยายไทย
กังฟูหมัดลิง เป็นวิทยายุทธ์ที่มีให้เห็นในหนังกังฟูมากมายหลายเรื่อง แต่ไม่มีหนังเรื่องไหนที่ดึงเอาความโดดเด่นของมวยชนิดนี้มาให้ความบันเทิงหรือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซได้อย่าง Mad Monkey Kung Fu เลย ปรมาจารย์ชั้นแนวหน้าของหนังกังฟูอย่าง หลิวเจียเหลียง ได้มอบการแสดงที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตให้กับหนังเรื่องนี้ ซึ่งนอกจากจะแสดงนำเองแล้ว เขายังควบตำแหน่งผู้กำกับและผู้ออกแบบท่าต่อสู้อีกด้วย
หลิวเจียเหลียง รับบทเป็น เฉินกั๊วะ ยอดยุทธ์มวยลิงและนักแสดงงิ้วชื่อดัง ผู้ที่ชีวิตต้องพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเพียงชั่วข้ามคืน จากแผนการร้ายของ ต้วนเสียงหยวน เจ้าของหอนางโลม และ เอ้อเหนียง คู่สามีภรรยาจอมวายร้ายที่วางกลอุบายมอมเหล้าเฉินกั๊วะ จนเมาหลับไม่ได้สติ จากนั้นก็ใส่ความว่า เฉินกั๊วะแอบลักลอบเป็นชู้กับเอ้อเหนียง (โดยที่เธอก็รู้เห็นเป็นใจกับแผนการนี้ด้วย) เพื่อที่จะลดหย่อนผ่อนโทษจากหนักให้เป็นเบา เฉินชุ่ยหง น้องสาวของเฉินกั๊วะ จึงยอมเป็นภรรยาน้อยของต้วนเสียงหยวน และมือของเฉินกั๊วะก็ต้องถูกทุบจนพิการทั้งสองข้าง หลายปีต่อมา เฉินกั๊วะได้มาพบกับเด็กหนุ่มจิตใจดีงามนาม เสี่ยวโหว ผู้ที่ต่อมาได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของเขา หลังจากที่เสี่ยวโหวร่ำเรียนจนหมดภูมิความรู้ของอาจารย์แล้ว ทั้งสองจึงตามไปล้างแค้นและสะสางเรื่องราวทั้งหมดกับต้วนเสียงหยวนในทันที
หากเราได้ชมหนังกังฟูหลาย ๆ เรื่องของหลิวเจียเหลียงแล้ว เราจะสังเกตเห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาที่จะรักษารูปแบบและประเพณีดั้งเดิมของกังฟูด้วยท่วงท่าสไตล์มวยใต้ที่สมจริงสมจัง (ในขณะที่ดาราขาประจำหลาย ๆ คนของเขากลับใช้หมัดมวยสไตล์ทางเหนือ) เมื่อพูดถึงมวยใต้แล้ว เราอาจจะนึกกันไม่ค่อยออก แต่หากอธิบายว่า เป็นมวยที่เน้นการออกหมัดเป็นหลักแล้วล่ะก็ หลายคนคงจะร้อง อ๋อ กันเลยทีเดียว ในช่วงทศวรรษที่ 1970-1980 ถือเป็นยุคทองของมวยใต้ในภาพยนตร์โดยแท้ กล่าวคือ หนังกำลังภายในแทบทุกเรื่องที่ออกฉายในเวลานั้น ถ้าไม่ใช่หนังฟันดาบดวลกระบี่กันแล้วล่ะก็ วิทยายุทธ์ที่เหล่าตัวละครในหนังใช้ต่อสู้กันก็ต้องเป็นมวยใต้อย่างแน่นอน (อาทิ The Boxer From Shantung ,Heroes Two ,Boxer Rebellion หรือ Executioners From Shaolin ฯลฯ) แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบัน มวยใต้กำลังค่อย ๆ ถูกลืมเลือน (ผมหมายถึงเฉพาะในแวดวงหนังบู๊เท่านั้นนะครับ) สาเหตุน่าจะเนื่องจากลีลาท่วงท่าการต่อสู้ชนิดนี้ไม่ค่อยหวือหวาโลดโผน และไม่เอื้ออำนวยที่จะนำมาดัดแปลงใช้ในภาพยนตร์เท่าไรนัก ยิ่งเมื่อเทียบกับมวยเหนือ (ที่มักใช้ผสมผสานควบคู่กับกายกรรม) ซึ่งมีลีลาพลิ้วไหวกว่า ,เก๋ไก๋กว่า และมีภาพลักษณ์ร่วมสมัยที่แปลกใหม่กว่า ก็ทำให้เกิดภาพเปรียบเทียบที่ส่งผลให้ ”มวยใต้” ยิ่งแลดูเหมือนโบราณวัตถุไปโดยฉับพลัน สำหรับปรมาจารย์มวยใต้คนสำคัญในวงการภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่อง ก็คือ บรูซลี ,หลิวเจียเหลียง และ ตี้หลุง ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
จุดเด่นเฉพาะตัวของ Mad Monkey Kung Fu ก็คือ ความพิถีพิถันในการออกแบบคิวบู๊เพื่อที่จะแสดงความไม่ธรรมดาและรูปแบบที่ทรงพลังของมวยลิงท่ามกลางฉากต่อสู้ที่ดุเดือด พร้อมกันนั้น สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูจริง ๆ ก็คือ นี่เป็นการแสดงบทนำครั้งแรกของหลิวเจียเหลียง (หลังจากที่เป็นตัวประกอบในหนังของ จางเชอะ มานาน) ก่อนหน้านี้เขาก็เป็นที่ยอมรับของแฟน ๆ ในส่วนของงานเบื้องหลังกับตำแหน่งผู้ออกแบบท่าต่อสู้อยู่แล้ว แต่กับบทจอมยุทธ์มวยลิงอย่าง เฉินกั๊วะ ก็ทำให้หลิวเจียเหลียงได้พิสูจน์แล้วว่า เขาไม่ได้มีดีแค่กับการเป็นผู้กำกับเท่านั้น แต่ยังเป็นนักศิลปะยุทธ์ชั้นครูที่มีฝีมือการแสดง (ทั้งฉากดราม่าและฉากต่อสู้) เข้าขั้นยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยเฉพาะในฉากเปิดเรื่อง ซึ่งถือว่าเป็นฉากที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขา ในการแสดงความชำนาญทางด้านกังฟูของเขาจริง ๆ กับฉากที่เฉินกั๊วะเมาเหล้าหนักขึ้น ๆ รูปแบบมวยของเขาก็จะเพิ่มความยืดหยุ่นขึ้นด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับสไตล์มวยแข็งกร้าวแบบที่คู่ต่อสู้ของเขาใช้เลยทีเดียว
ความโดดเด่นของหลิวเจียเหลียงอีกอย่างหนึ่งก็คือ การออกแบบท่าต่อสู้แบบหนึ่งต่อสิบได้อย่างสวยงามและสลับซับซ้อน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ดูรู้เรื่อง (ผิดกับผู้กำกับคิวบู๊บางคนที่ออกแบบฉากแอคชั่นออกมาได้ดูมั่วสุด ๆ) กับ Mad Monkey Kung Fu นี้ ก็มีฉากประเภทที่ว่านี้อยู่เพียบเชียวครับ ที่ยอดเยี่ยมมากก็คือ ฉากแอคชั่นเหล่านี้กับอารมณ์ขันของหนังสามารถผสมผสานกลมกลืนไปด้วยกันได้อย่างเหมาะเจาะ ยกตัวอย่างเช่น ฉากต่อสู้สองฉากใหญ่ ๆ ของเสี่ยวโหวในหอนางโลม ซึ่งต้องถือว่าเป็นความสามารถพิเศษในการสร้างสรรค์ของหลิวเจียเหลียงจริง ๆ ด้วยจังหวะและท่วงท่าของคิวบู๊ที่รวดเร็ว พร้อมกับอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบฉากอย่างโต๊ะหรือตาข่ายดัก ก็ได้ทำให้ฉากต่อสู้ทั้งสองซีนนี้ กลายเป็นซีนที่น่าจดจำที่สุดของหนัง เช่นเดียวกันกับฉากฝึกฝนวรยุทธ์ในช่วงเวลาประมาณยี่สิบกว่านาทีกลางเรื่อง ที่ถือว่าเป็นทีเด็ดแท้จริงของหนังเลยก็ว่าได้ เมื่อพระเอกต้องฝึกฝนเรียนรู้วิชามวยลิงทีละขั้นตอน ส่วนนี้ทำออกมาได้สนุกมีชีวิตชีวามาก และอยู่ในระดับคลาสสิคจริง ๆ
นอกจากฉากต่อสู้ที่สนุกเร้าใจแล้ว นักแสดงในเรื่องก็แสดงกันได้อย่างสุดยอด กับตัวละคร เสี่ยวโหว พระเอกของเรื่องนี้ นอกจากจะมีบุคลิกแสนซนและขี้เล่นแล้ว ยังเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไวเหมือนกับลิงอีกด้วย หลิวเจียเหลียงจึงตัดสินใจไม่ใช้บริการของ หลิวเจียฮุย (ที่ใช้สไตล์มวยแบบมั่นคงทรงพลัง) แต่พระเอกนักกายกรรมคนใหม่อย่าง เสี่ยวโหว (ที่มารับบทเป็นตัวละครชื่อเดียวกันอีก) ก็มาแทนที่ได้แบบไม่ด้อย สำหรับแฟนหลิวเจียเหลียงแล้ว ถือเป็นความแปลกใหม่เสียด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่ารูปโฉมภายนอกของพระเอกหนุ่มผู้นี้ จะไม่โดดเด่นเทียบเท่าดาราคนอื่น ๆ แต่ฝีมือการแสดงของเขานั้นกลับตรงกันข้าม ใน Mad Monkey Kung Fu เสี่ยวโหวได้มอบการแสดงที่วิเศษสุดในเกณฑ์ระดับเดียวกันกับ หยวนเปียว และ เจียงเซิ่ง เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งหลังของหนังที่เขาเลียนแบบการเคลื่อนไหวและแสดงอากัปกิริยาของลิงได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ๆ (ดูแล้ว ชวนให้นึกถึงซุนหงอคงขึ้นมาเหมือนกัน) ต้องยอมรับเลยว่า ด้วยทักษะด้านกายกรรมที่สุดยอดของเขานี้เอง ที่ช่วยดึงความโดดเด่นของมวยลิงออกมาจนกลายเป็นไฮไลท์ที่ยอดเยี่ยมของหนังไปเลย ส่วนบทนางเอกนั้น ดาราสาว ฮุ่ยอิงหง ก็โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจมาก ๆ ในการแสดงฉากต่อสู้สั้น ๆ คู่กับหลอลี่ แต่น่าเสียดายที่บทบาทของเธอน้อยไปนิดนึง
นอกจากนี้เรายังจะได้ชมดาราดาวร้ายรุ่นเก๋าของชอว์บราเดอร์สอย่าง หลอลี่ ดวลกันตัวต่อตัวกับ หลิวเจียเหลียง อีกด้วย ตัวละครต้วนเสียงหยวนนี้ อาจไม่ใช่บทบาทการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตนักแสดงของหลอลี่ แต่กับบทคนเลวสุด ๆ แบบนี้ ก็ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครจะเหมาะมากไปกว่าหลอลี่อีกแล้ว
แม้ว่าโครงเรื่องจะเป็นแง่มุมว่าด้วยการล้างแค้น แต่โทนอารมณ์ที่แท้จริงของหนังกลับกลายเป็นตลกโปกฮา และเป็นการจงใจตลกด้วย ไม่ใช่ตลกแบบบังเอิญหรือตลกแบบเหตุการณ์ (ในหนัง) พาไป (มาจากตัวละครของเสี่ยวโหวทั้งสิ้น) เช่นเดียวกันกับคิวบู๊ที่ดูสนุกสนานขำขัน แต่กลับแฝงไว้ซึ่งความเข้มข้นดุเดือดจริงจัง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอีกสิ่งหนึ่งของหลิวเจียเหลียง ในการถ่ายทอดความตรงกันข้ามแบบนี้ออกมาได้ลื่นไหลและกระชับรัดกุมดีมาก
พูดโดยสรุปเลยก็คือ นี่เป็นผลงานที่สุดยอดที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของหลิวเจียเหลียง และเป็นหนังที่แฟนหนังกังฟูไม่ควรพลาด ด้วยทีมนักแสดงชั้นดี ,พล็อตเรื่องที่ไม่น่าแปลก แต่น่าสนใจ ,ฉากฝึกยุทธ์ที่พิสดารเหลือเชื่อ ,ฉากแอคชั่นชั้นเยี่ยม ,ดนตรีประกอบกับมุขตลกมากมาย และความมหัศจรรย์ของมวยลิง Mad Monkey Kung Fu คือหนังกังฟูคลาสสิคที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลอีกเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีการสร้างกันมาเลยทีเดียว