– ม่านประเพณี (1963) The Love Eterne

– ม่านประเพณี (1963) The Love Eterne
– ม่านประเพณี (1963) The Love Eterne– ม่านประเพณี (1963) The Love Eterne
หมวดหมู่ ภาพยนตร์จีน ชอว์บราเดอร์
ราคา 40.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 30 ม.ค. 2560
อัพเดทล่าสุด 18 ส.ค. 2565
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
– ม่านประเพณี (1963) The Love Eterne

1 แผ่น เสียงไทย/ จีน

นำแสดงโดย  หลินปอ,เล่อตี้
 
 
จุ๊ยิงไถ(เล่อตี้) เ ด็กสาวที่ใฝ่ฝันอยากไปเรียนหนังสือ  แต่เนื่องจากในสมัยโบราณ ขนบธรรมเนียมประเพณีของจีนได้กำหนดห้ามไม่ให้ชายหญิงเรียนร่วมกัน  ยิงไถจึงได้ปลอมตัวเป็นชาย  โดยที่ทั้งพ่อและแม่ของเธอก็จำเธอไม่ได้ ในที่สุดยิงไถก็ได้ไปเรียนหนังสือสมใจ  ที่เทือกเขาหนีหังโจว   และระหว่างเดินทาง เธอได้พบกับหนุ่มน้อย เหลียงซานเป๊าะ(หลินปอ) และเกิดถูกชะตากันขึ้น จึงได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน ทั้งคู่ผูกพันและห่วงใยกันมาก  แต่ถึงแม้จะมีเงื่อนงำหลายอย่างที่เห็นได้ชัด  ซานเป๊าะก็ไม่เคยเดาออกเลยว่า  แท้จริงแล้ว ยิงไถเป็นผู้หญิง  จนเมื่อทางบ้านของยิงไถได้ส่งจดหมายมาบอกว่า  ท่านแม่ของยิงไถป่วย  เธอจำใจต้องกลับ  แต่ก่อนที่จะลาจาก  ยิงไถก็ได้มอบหยกผีเสื้อให้กับซานเป๊าะ  และขอให้เขาไปสู่ขอน้องสาวของเธอ  (ซึ่งก็คือ ตัวยิงไถ นั่นเอง)  โดยที่ยิงไถไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ของเธอได้ตัดสินใจยกเธอให้กับลูกเจ้าเมือง  ที่มีฐานะทางครอบครัวทัดเทียมกันแล้ว   สร้างความเศร้าโศกให้กับยิงไถอย่างมาก  จนเมื่อซานเป๊าะมาหาเธอและรู้เรื่องนี้เข้า  จึงได้ตรอมใจตายไป  ส่วนยิงไถ   เมื่อทราบเรื่องซานเป๊าะ ก็ได้ตามไปฆ่าตัวตายต่อหน้าหลุมฝังศพของเขา   วิญญาณรักของทั้งคู่กลายเป็นผีเสื้อโบยบิน  ไปสรวงสวรรค์ด้วยกัน
 
ม่านประเพณี  หรือ Butterfly Lovers   ถือเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่คลาสสิค (อาจจะเข้าขั้นเป็น “ตำนาน” เลยก็ว่าได้)อีกเรื่องหนึ่งของจีน  และมีการนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์/ละครทีวีหลายต่อหลายครั้งแล้ว   ซึ่งครั้งที่โด่งดังที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุด  ก็คือหนังปี 1962 เรื่อง The Love Eterne   ผลงานการกำกับของหลี่ฮั่นเสียง นำแสดงโดยสองดาราสาวสวยแห่งยุค  หลินปอ และ เล่อตี้ นอกจากหนังจะทำลายสถิติรายได้ของหนังชอว์บราเดอร์ส  ทุกเรื่องที่ออกฉายก่อนหน้านั้นแล้ว The Love Eterne  ยังอาจจะเป็นหนังชอว์บราเดอร์สเพียงเรื่อง  เดียวที่สามารถคว้ารางวัลจากสถาบันภาพยนตร์ต่าง ๆ  มาได้มากที่สุด คือ สิบรางวัล  โดยจากการคัดเลือกเข้าประกวดภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเอเชีย   หนังได้รางวัลมาสี่รางวัล คือ ภาพยนตร์สียอดเยี่ยม ,เทคนิคฝ่ายศิลป์ยอดเยี่ยม , ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และบันทึกเสียงยอดเยี่ยม   และยังได้รับรางวัลม้าทองคำครั้งที่ 2 มาอีกหกรางวัล ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ,ผู้กำกับยอดเยี่ยม  ,ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ,ตัดต่อยอดเยี่ยม ,ดาราฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม(เล่อตี้) และดารายอดเยี่ยมด้านศิลปะการแสดง(หลินปอ)
 
ม่านประเพณี เป็นเรื่องรักที่มีความพิเศษกว่าเรื่องรักอื่น ๆ  ตรงที่สอดแทรกประเด็นวิพากษ์  วิจารณ์สังคมจีนไว้ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งการที่พ่อแม่จับลูกคลุมถุงชน  ,การจำกัดทางเลือกของสตรีเพศ  ไปจนถึงการแบ่งแยกชนชั้น เมื่อผู้ชมได้ชมแล้ว  จะรู้สึกว่าตัวเองมีชะตากรรมที่ผูกพันกับคู่พระนาง (เนื่องมาจากครอบครัวจีนสมัยก่อนหรือกระทั่งสมัยนี้ บางครอบครัวก็ยังคงมีรูปแบบประเพณีแบบนั้นจริง ๆ) จนยากที่จะอดหลงรักตัวละครในเรื่องไม่ได้เลย
 
ในช่วงครึ่งแรกของหนัง  จะเป็นเรื่องราวความรักความผูกพันธ์วุ่น ๆ  ที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างตัวเอกทั้งสอง และเน้นในส่วนของการพัฒนาความสัมพันธ์ของคู่พระนาง  ซึ่งก็ทำออกมาได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ยัดเยียด ทำให้หนัง(ในช่วงแรก) เต็มไปด้วยอารมณ์อันอบอุ่นและนุ่มนวล
 
ส่วนในช่วงครึ่งหลังนั้น  อารมณ์ของหนังก็พลิกมาเป็นโศกเศร้าสะเทือนใจได้อย่างลงตัว  โดยเน้นไปที่โศกนาฏกรรมความรักของเหลียงซานเป๊าะ-จุ๊ยิงไถ  ทั้งฉากสนทนาตอบโต้กันด้วยบทเพลงระหว่าง  คู่พระนางที่ยาวนานกว่าครึ่งชั่วโมง ,ฉากรำพึงรำพันที่พระเอกมีต่อนางเอก  ที่ทั้งเศร้า ทั้งบีบคั้นอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง   รวมไปถึงฉากจบแบบอิทธิปาฏิหารย์ที่ทำออกมาได้ขลังและคลาสสิคที่สุดในจำนวนหนัง “ม่านประเพณี” ทั้งหมดเลยทีเดียว
 
หนังมีความยาวเกือบสองชั่วโมง  แต่เป็นสองชั่วโมงที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง   ถึงแม้อาจจะดูยืดยาวสำหรับผู้ชมที่ไม่ได้เป็นแฟนหนังประเภทนี้  ทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย   เมื่อเทียบกับงานโปรดัคชั่นส่วนที่เหลืออื่น ๆ ของหนัง   ด้วยการสร้างบรรยากาศ   และการใช้ความรู้ในด้านศิลปะขั้นพื้นฐานของการทำหนัง   ทำให้ภาพที่ออกมาดูสวยงามยิ่งนัก  โดยเห็นได้จากฉากทั้งหมดของหนัง  ซึ่งดูอลังการและสวยงามอย่างที่สุด   พร้อมกันนั้นก็ยังคงรักษาความเป็นโบราณไว้อย่างดี   ฉากที่อยู่ตามป่าเขาล้วนเป็นฉากที่สร้างขึ้นในโรงถ่าย  ได้อย่างประณีตพิถีพิถัน   เครื่องแต่งกายที่สวยงาม   และการสร้างบรรยากาศห้อมล้อมให้กลมกลืน  กับสถานการณ์ของตัวละคร โดยเฉพาะฉาก  ที่เหลียงซานเป๊าะ  ส่ง จุ๊ยิงไถ สิบแปดครั้ง  ฉากนี้ทำได้สวยงามที่สุดในหนังเลยทีเดียว
 
พร้อมกันนั้น  หัวใจสำคัญอีกอย่างที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังรักอมตะก็คือ   การแสดงของเหล่านักแสดงชั้นยอด   ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมบทพูดและบทเพลงในหนังที่ทั้งไพเราะ  และคมคายในเวลาเดียวกัน   ช่วยเติมเต็มความมีมิติของตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เหลียงซานเป๊าะ กับ จุ๊ยิงไถ   ซึ่งสองนักแสดงมากฝีมือ ต่างก็ทำหน้าที่ของตนได้อย่างยอดเยี่ยม  เล่อตี้ กับการแสดงที่ดีที่สุด ในชีวิตนักแสดงของเธอ  ซึ่งถ่ายทอดอารมณ์อันหลากหลายของตัวละครได้อย่างหมดจด   ลึกซึ้งและซื่อตรงทุกแง่มุม  เช่นเดียวกันกับหลินปอ   ที่สามารถจับคู่กับเล่อตี้ได้อย่างยอดเยี่ยม   ทำให้เหลียงซานเป๊าะกลายเป็นหนุ่มน้อย  ที่ให้ความสำคัญกับความรัก   และจิตใจที่จะยังคงยึดมั่นต่อคนรักตลอดไป
 
จุดเด่นที่สุดของหนัง คือ บทเพลงไพเราะ ที่มีให้ฟัง”แทบ”ทั้งเรื่อง(ต้องเน้น “แทบ” เพราะเยอะจริง ๆ) เรียกได้ว่า หนังใช้วิธีการเล่าเรื่อง โดยการใช้เพลงเป็นตัวถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร แทนบทพูดกันเลยทีเดียว มีหลายเพลงที่กลายเป็นบทเพลงอมตะของชาวจีน(ถ้าไปย่านเยาวราช จะได้ยินบ่อยมาก) ทำให้ ”ม่านประเพณี” ฉบับนี้กลายเป็นที่จดจำของผู้ชมไม่แพ้งานอมตะอีกเรื่องหนึ่งของหลี่ฮั่นเสียงที่มีเพลงคุ้นหูคนจีนเหมือนกันอย่าง “จอมใจจักรพรรดิ” เลย
 
ต้องบอกก่อนว่า The Love Eterne เป็นหนังงิ้วโอเปรา(ที่ หลี่ฮั่นเสียง กำกับ)เรื่องแรกที่ผมได้ชม เมื่อได้ชมแล้ว ผมก็เริ่มมีทัศนคติที่ดีต่อหนังงิ้วขึ้นมาในทันที(หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยคิดที่จะดูเลย)และเริ่มกวาดซื้องานเรื่องอื่น ๆ ของหลี่ฮั่นเสียงมาดู หลี่ฮั่นเสียง เป็นผู้กำกับที่สันทัดการถ่ายทำภาพยนตร์เพลงแนวหวังเหมยเตี้ยว(หรือเรียกง่าย ๆ ว่า หนังงิ้ว นั่นเอง)และหนังด้านศิลป์ ผลงานของเขามากมายที่ได้รับการยกย่องก็มักจะเป็นหนังสองประเภทนี้ เช่น The Magnificent Concubine(แสดงนำโดย ลีลี่ ฮัว) ,Beyond The Great Wall(แสดงนำโดย หลินไต้) ,The Warlord(แสดงนำโดย ไมเคิล ฮุย) ฯลฯ
 
แต่หนังที่โด่งดังที่สุดของหลี่ฮั่นเสียงและทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับระดับตำนานของชอว์บราเดอร์ส ก็คือ The Love Eterne นี้เอง มีคนกล่าวว่า หลี่ฮั่นเสียง ได้รับอิทธิพลจาก ม่านประเพณี ฉบับที่ดีที่สุดฉบับหนึ่ง ซึ่งกำกับโดยผู้กำกับ ซังฮู ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ซังฮูใช้วิธีการเล่าเรื่องแสดงออกถึงความเรียบง่าย ในขณะที่ฉบับของหลี่ฮั่นเสียง แสดงออกถึงรสชาติ และแสดงให้เห็นถึงความรักของหนุ่มสาวที่ได้รับความกดดันจากประเพณีเก่าแก่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับขนบประเพณี
 
จะอย่างไรก็ตาม หลี่ฮั่นเสียง ก็ได้รับการยกย่องว่า กำกับหนังเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และทำให้ The Love Eterne ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในหนังรักที่งดงามและมีความเพียบพร้อมทางด้านศิลปะมากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา

วิธีการชำระเงิน

พร้อมเพย์ สาขา- mobile
Scan this!
เอกสิน ภาณุอาภรณ์
086-xxxxxx-7
Accept All Banks | รับเงินได้จากทุกธนาคาร

สถิติ ยอดเข้าชม

หน้าที่เข้าชม842,290 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด444,941 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท26 ก.ย. 2568

สมาชิก